“การจัดการทรัพยากรในพื้นที่ของตนเอง”
ตำบลลำสินธุ์เริ่มต้นจากส่งการนำตัวแทนของตำบลไปศึกษาดูงานในหลายพื้นที่ที่มีการดำเนินงานด้านพลังงานทดแทน ก่อนจะนำความรู้กลับมาประยุกต์ทำเทคโนโลยีของตัวเองขึ้น เป้าหมายและ เจตนาของศูนย์เรียนรู้เครือข่ายสินธุ์แพรทอง คือ ต้องการให้ครอบครัวต้นแบบทำเรื่องพลังงานทดแทน ส่งเสริมให้ครัวเรือนลดการใช้พลังงาน และหันมาใช้พลังงานทดแทน ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภาค ครัวเรือน รวมถึงยังเป็นการจัดการทรัพยากรในพื้นที่ของตนเองได้อีกด้วย
การกระตุ้นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ในเรื่องพลังงานทดแทนขึ้นในชุมชน ศูนย์ฯ ใช้แนวทางการ ‘ทำให้เห็น’ เป็นสำคัญ คือ แกนนำต้องเป็นผู้รับผิดชอบทดลองใช้ และพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ทดแทนที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ มีการหารือร่วมกันถึงวิธีคิด วิธีทำ กระบวนการต่าง ๆ ไปจนถึงการขยายผล โดยจะมีการติดตามงานด้วยการใช้วาระการประชุมเป็นตัวดำเนินการทุก ๆ เรื่องที่ผ่านที่ประชุมจะถูกบันทึก เป็นข้อตกลง และจะมีกองเลขาฯ ประจำศูนย์ฯ เป็นผู้คอยตั้งประเด็น คำถามเพื่อติดตามงาน
“การสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง จึงเป็นแนงทางที่แกนนำชุมชนเห็นดีร่วมกันซึ่งไม่สามารถเริ่มที่คนอื่นคนใดได้เลย นอกจากตัวแกนนำเอง”
ด้วยเหตุนี้แกนนำซึ่งถูกมอบหมายให้รับผิดชอบเทคโนโลยีแต่ละชนิดจึงต้องเต็มที่กับสิ่งที่ทำ ปัจจุบันในตำบลมีเทคโนโลยีพลังงานทดแทนอยู่ด้วยกัน 4 รูปแบบ คือ พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพ และ พลังงานชีวมวล
1. พลังงานน้ำ
มี 1 จุดการเรียนรู้ ประจำอยู่ที่ศูนย์การเรียนรู้
“เรื่องน้ำถ้าจัดการได้จะประหยัดต้นทุนการทำเกษตรได้พอสมควร เพราะลำน้ำไหลผ่านทุกหมู่บ้านแต่ไม่สามารถนำน้ำขึ้นมาใช้ได้ด้วยวิธี อื่นเลยนอกจากไฟฟ้า ซึ่งเราก็เรียนรู้กันมา 2-3 ปีแล้ว เรียนรู้ไป ปรับปรุงไป” อุทัย บุญดำ
2. พลังงานแสงอาทิตย์
มี 5 จุดการเรียนรู้ ประจำอยู่ที่ศูนย์การเรียนรู้
3. พลังงานชีวภาพ
มี 5 จุดการเรียนรู้
“สิ่งที่เราไม่เห็นคุณค่าสามารถนำมาเป็นพลังงานได้ เศษอาหารบางครั้ง เรามองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ไม่น่าลงทุนทำ แต่มันเป็นพลังงานที่ยั่งยืน เพราะนานๆ ไปเราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เหมือนก๊าซถังพอหมด เราก็ต้องซื้อใหม่ แต่นี่แค่เราเติมเศษอาหาร ถึงลืมใส่ก็เริ่มต้นใหม่ได้ มันเป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน” ธำรง บุญรัตน์
4. พลังงานชีวมวล
มี 3 จุดการเรียนรู้
“ต้นทุนเตาเผาที่ทำเริ่มทำมา ปัจจุบันคืนทุนแล้ว ทุนตัวเองไม่เท่าไหร่ แต่คืนทุนให้สังคมได้เยอะ ให้คนที่มาศึกษาดูงานไปเยอะแล้ว” ไข่ นวลขลิบ